คัมภีร์วีธีแยกขยะฉบับชาวเกาะเต่า 101 : เขามีวิธีการจัดการแยกขยะในชุมชนอย่างไรให้กลายเป็นของที่ระลึก?
- oGGa the idea provider
- 28 ก.ค.
- ยาว 2 นาที
“เราจะรู้สึกอย่างไร ถ้าเราลงไปในทะเลแล้วเรามองเห็นขยะในแนวปะการัง ?”

คำถามที่ชวนให้คิดนี้เกิดขึ้นระหว่างที่ ogga idea ได้สัมภาษณ์ครูดำน้ำอาสาของชมรมครูดำน้ำไทยเกาะเต่า ณ เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี สวรรค์ของนักท่องเที่ยวทั่วสารทิศที่รักการดำน้ำดูโลกใต้ทะเล เราได้พบว่าเกาะเต่ากำลังเผชิญหน้ากับปัญหาสิ่งแวดล้อมจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาปีละกว่า 6-7 แสนคน สวนทางกับประชากรหลักเพียง 2,500 คน ทำให้เกิดวิกฤตขยะมูลฝอยล้นเกาะและทำลายระบบนิเวศทางทะเล แต่ด้วยพลังความมุ่งมั่นของชาวเกาะเต่า พวกเขาได้รวมพลังกันคัดแยกขยะรีไซเคิลและแปรรูปเป็นสินค้ารักษ์โลก สร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนที่ไม่เพียงแก้ปัญหาขยะ แต่ยังส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน แต่กว่าจะกลายมาเป็นเกาะยอดฮิตที่เริ่มดำเนินแนวทางการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน มาร่วมเจาะลึกถึงปัญหาขยะในพื้นที่ แรงบันดาลใจที่ทำให้ชาวบ้านลุกขึ้นจัดการขยะ ตลอดจนวิธีการจัดการขยะแบบฉบับคนเกาะเต่าที่พวกเขาทำเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของท้องทะเลไทยกัน
เริ่มด้วยเจาะลึกให้รู้ว่าปัญหาขยะบนเกาะเต่าคืออะไร?
“เพราะทำได้สุดทางของเราคือเอาไปทิ้ง แค่เคลียร์ออกจากทะเล”

เราได้ยินประโยคนี้จากคนที่คลุกคลีในพื้นที่จริงที่ทำให้เราได้รู้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่ชาวเกาะเต่าจะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสด้วยการเปลี่ยนขยะรีไซเคิลให้กลายเป็นของพรีเมี่ยม ECO-Friendly สร้างรายได้กลับคืนชุมชน เดิมทีชาวบ้านที่นี่เคยเผชิญกับวิกฤตขยะล้นเกาะ อันเนื่องมาจากปัญหาขยะที่มีปริมาณมหาศาลทั้งจากคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อน ณ เกาะแห่งนี้ มีขยะหลายประเภทอยู่บนเกาะ ได้แก่ ขยะบนบก และขยะจากทะเลที่ทำได้แค่นำขึ้นมาไว้ในบ่อฝังกลบเท่านั้น ทำให้ขยะเหล่านี้รวมกันเป็นขยะกำพร้าที่ไม่สามารถจัดการได้ ทว่าสาเหตุของขยะปริมาณมหาศาลนี้ไม่ได้มีแค่นี้เท่านั้น เพราะมันยังมีสาเหตุอื่นที่มีส่วนในการสร้างขยะบนเกาะเต่าเหมือนกัน อาทิเช่น :
พื้นที่อันจำกัด บ่อฝังกลบขยะบนเกาะเต่ามีพื้นที่เพียง 4 ไร่ แต่กลับรองรับขยะปริมาณ 15-20 ตันต่อวัน ซ้ำยังยากต่อการขุดเจาะเพื่อขยายบ่อฝังกลบ เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศที่เป็นหินเสียส่วนใหญ่
ขาดการจัดการที่ถูกต้อง ขยะที่รวมกันอย่างเศษอาหารและภาชนะกลายเป็นขยะกำพร้า ส่งผลให้เชื้อโรคที่สะสมอยู่ในขยะซึมลึกสู่พื้นดินและปนเปื้อนในน้ำบาดาลที่ชาวบ้านใช้อุปโภคและบริโภค
ค่าใช้จ่ายขนขยะออกจากเกาะที่สูงลิ่ว เนื่องจากใช้เรือในการขนย้าย อีกทั้งยังเป็นขยะที่ถูกทิ้งแล้ว จึงส่งผลให้เกิดความรู้สึกที่ไม่คุ้มค่าต่อการจ่ายเพื่อจัดการขยะภายในเกาะ
สาเหตุเหล่านี้เอง ทำให้ชาวเกาะเต่าไร้ซึ่งหนทางในการจัดการปัญหาขยะ แต่ภายในใจของพวกเขากลับเฝ้ารอวันที่จะพบเจอแสงสว่างที่จะมาแก้ไขวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาให้สอดคล้องกับสิ่งแวดล้อมอย่างถูกต้อง
แรงบันดาลใจที่เปลี่ยนจาก ‘ทนได้ทุกที’ ให้กลายเป็นแยกขยะให้ได้ทุกที
คุณเกษมล ชาวนา ครูดำน้ำไทยเกาะเต่า กล่าวว่า "เราจะรู้สึกอย่างไรถ้าเราลงไปในทะเลแล้วเรามองเห็นขยะในแนวปะการัง มันไม่ได้แค่ไม่สวยงามตา แต่มันทำให้ปะการังและสัตว์ทะเลได้รับอันตรายและได้รับผลกระทบด้วย สุขภาพหรือปัญหาต่าง ๆ ของมวลมนุษย์ ทุกวันนี้เกิดจากไมโครพลาสติก เพราะงั้นการเก็บขยะจะช่วยดูแลรักษาทรัพยากรได้อย่างมาก"
คำพูดนี้เปรียบเสมือนประกายแสงที่จุดประกายให้ชาวเกาะเต่าเริ่มตระหนักถึงปัญหา เปลี่ยนประกายแสงนั้นกลายเป็นแสงสว่างนำทางให้ลุกขึ้นมาจัดการขยะบนเกาะ ด้วยเหตุที่ว่าผลกระทบไม่ได้ตกที่ธรรมชาติอย่างเดียว ร่างกายของมนุษย์เองก็พลอยได้รับไปด้วย จึงเกิดเป็นความห่วงใยที่ชาวบ้านในชุมชนมีให้แก่กัน พวกเขาพร้อมที่จะปกป้องเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ประกอบกับความอดทนต่อปัญหาขยะที่สะสมมานานบนเกาะเต่าเปรียบเสมือนระเบิดเวลาที่นับถอยหลังรอวันปะทุขึ้นมา
จนกระทั่งวันหนึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเริ่มต้นขึ้นที่เวที Spotlight Koh Tao ประจำปี 2567 ที่เปิดโอกาสให้ชาวบ้านและผู้ประกอบการได้ร่วมกันเปิดประเด็นปัญหาขยะที่ไม่ได้รับการแก้ไขมานาน ซึ่งต่อมา ผู้บริหาร ogga idea ได้ลงพื้นที่ดูบ่อขยะดังกล่าวแห่งนี้ทันที พร้อมกับพบความจริงที่โหดร้ายว่าสิ่งปนเปื้อนจากขยะสามารถซึมลงไปปนเปื้อนน้ำบาดาลที่ชาวบ้านใช้ได้ จากเหตุนี้จึงกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่จุดประกายให้เกิดความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ดังนั้นเราจึงสรุปได้ว่าแรงบันดาลใจที่ทำให้ชาวเกาะเต่าลุกขึ้นต่อสู้กับปัญหาขยะมาจาก :
ความรักในบ้านเกิดและสิ่งแวดล้อม
ผลกระทบต่อสุขภาพเพื่อนมนุษย์ อันตรายจากไมโครพลาสติกที่ปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมสามารถเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้
เพื่อคนรุ่นหลัง ชาวเกาะเต่ามีความมุ่งมั่นที่ส่งต่อเกาะที่สะอาดและยั่งยืนให้กับลูกหลาน
การเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส โดยการนำขยะที่ถูกทิ้งให้ไร้ค่ากลับมาสร้างมูลค่าด้วยการเป็นของที่ระลึกรักษ์โลก สร้างแรงจูงใจในการจัดการขยะที่ดีด้วยของตอบแทน
จากจุดที่เคย "ทำได้สุดทางของเราคือเอาไปทิ้ง แค่เคลียร์ออกจากทะเล" สู่ความเชื่อมั่นที่ว่า "หลังจากเก็บกวาดเรามีที่ให้ส่งต่อไปเพิ่มมูลค่า แล้วกลับมาเป็นเศรษฐกิจหมุนเวียนที่เกาะ"
วีธีแยกขยะฉบับชาวเกาะเต่าสามารถจัดการขยะในชุมชนให้กลายเป็นของขวัญอย่างไร?
ดังคำที่ว่า “หลังจากเก็บกวาดเรามีที่ให้ส่งต่อไปเพิ่มมูลค่า แล้วกลับมาเป็นเศรษฐกิจหมุนเวียนที่เกาะ” ประโยคนี้อธิบายถึงกระบวนการสร้างมูลค่าให้ขยะที่ชาวบ้านและผู้ประกอบการบนเกาะเต่าแบบสั้น ๆ ที่สร้างความเข้าใจให้แก่คนทั่วไป แต่กว่าจะบรรลุขั้นตอนดังกล่าวจนจบ ชาวบ้านในชุมชนต้องใช้ความพยายามในการปลุกใจกันเองอย่างมาก ogga idea และผู้มีส่วนร่วมอีกหลายคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่า การกระทำที่ดีควรมีผลตอบแทน เราจึงร่วมกันหาทางออกของเรื่องนี้ด้วยการสร้างแรงจูงใจกระตุ้นให้ชาวบ้านสนุกกับการจัดการขยะอย่างครบวงจร

สร้างแรงจูงใจในการจัดการขยะให้แก่ชาวเกาะเต่า
หนึ่งปัญหาการจัดการขยะที่เราเคยได้กล่าวไว้ อย่างการนำขยะออกจากเกาะ มีค่าใช้จ่ายในการขนขยะสูงมาก ทำให้ผู้คนในเกาะเลือกที่จะไม่เสียเงินไปกับขยะที่ถูกทิ้งแล้ว แต่ถ้าเราสร้างแรงจูงใจให้พวกเขา อำนวยความสะดวกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนพวกเขารู้สึกพอใจที่จะจัดการขยะอย่างถูกวิธี เราก็จะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงระดับยิ่งใหญ่ได้เลยทีเดียว ยกตัวอย่างการสร้างแรงจูงใจในการจัดการขยะให้แก่ชาวเกาะเต่าประกอบด้วย:
ให้ความรู้ด้านการคัดแยกขยะและการจัดการขยะอย่างถูกวิธี เพราะขยะแต่ละประเภทสามารถสร้างมูลค่าได้แตกต่างกัน เช่น วัสดุ rPET เป็นต้น
จัดหาผู้รับซื้อขยะรีไซเคิลที่ให้ราคาดีที่สุด
อำนวยความสะดวกค่าใช้จ่ายในการขนขยะออกจากเกาะ
สนับสนุนการแปรรูปขยะรีไซเคิลให้กลายเป็นของขวัญพรีเมี่ยมลดโลกร้อน
เราหวังว่าสิ่งที่เราได้แนะนำให้แก่ชาวเกาะเต่าจะเป็นหนึ่งในกลไกขับเคลื่อนวิถีชีวิตพวกเขา เพื่ออนาคตของโลกที่ยั่งยืน ฟื้นคืนธรรมชาติให้แก่คนรุ่นหลังยิ่งยาวนาน

ปลูกฝังต้นกล้าเล็ก ๆ ที่โรงเรียนบ้านเกาะเต่า
จากแนวคิดที่ว่าความยั่งยืนอยู่นาน เฉกเช่นเดียวกับคนรุ่นใหม่ที่จะได้ชีวิตบนโลกใบนี้นานกว่าคนรุ่นเรา ทุกการกระทำของคนรุ่นปัจจุบันในพื้นที่ก็มีผลต่อพวกเขา และวันข้างหน้าพวกเขาเองก็จะต้องทำต่อไปเพื่อคนรุ่นหลังพวกเขาเช่นกัน ฉะนั้นเราจึงคิดว่าการสร้างวินัยควรเริ่มตั้งแต่เด็ก ให้เติบโตไปเป็นคนที่มีความรับผิดชอบต่อขยะที่ตนเองสร้าง จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราถึงเลือกโรงเรียนเป็นที่แรกในการให้ความรู้และดำเนินโครงการจัดการขยะในชุมชน ด้วยการสนับสนุนกิจกรรมส่งเสริมการจัดการขยะจึงเริ่มด้วยการให้เด็กนักเรียนได้ลองทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวของพวกเขาเอง ดังนี้:
จัดตั้งบริษัทจำลองชื่อว่า บริษัท ฮีโร่น้อยเกาะเต่า เพื่อให้เด็กนักเรียนฝึกบริหารจัดการ
ธนาคารขยะตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทาง
เด็กทุกคนจะมีสมุดบัญชีธนาคารขยะ มีรุ่นพี่รับซื้อขยะทุกวันอังคารและพุธ
จัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพด้วยตนเอง โดยทางโรงเรียนจะมีห้องจัดเก็บ มีระบบคัดแยก ช่างน้ำหนัก และควบคุมคุณภาพก่อนส่งไปยังผู้รับซื้อในชุมชน ในการนำขยะ PET และขยะ PP ไปผลิตเป็นสินค้าที่ระลึกรักษ์โลก เพื่อสร้างรายได้กลับมาสู่ชุมชน
ภาพ สมุดบัญชีธนาคารขยะและการบริหารจัดการธนาคารขยะของนักเรียนโรงเรียนบ้านเกาะเต่า จาก ogga idea
และนี่คือก้าวสำคัญของเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านเกาะเต่าที่เราเชื่อมาโดยตลอดว่าพลังและความตั้งใจของเด็กรุ่นหลังจะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกของเราให้ดียิ่งกว่าที่เป็น
ต่อยอดระดับชุมชนเพื่อความร่วมมือที่ยิ่งใหญ่
หากแต่การเปลี่ยนแปลงไม่ได้เกิดจากคนรุ่นใหม่เท่านั้น แต่คนในปัจจุบันก็ต้องมีส่วนในการพัฒนาสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืนเช่นกัน เพราะจากความหมายของคำว่า ‘ความยั่งยืน’ ที่หมายถึง การพัฒนาสิ่งที่มีอยู่เพื่อตอบสนองความต้องการของคนรุ่นปัจจุบันและสามารถต่อยอดสู่อนาคต โดยที่ไม่สร้างผลกระทบต่อคนรุ่นหลัง ด้วยแนวคิดนี้ เราจึงได้ริเริ่มโครงการต่างๆ เพื่อส่งเสริมการจัดการขยะอย่างยั่งยืนในระดับชุมชน
จัดทำคู่มือการแยกขยะเป็น 3 ภาษา ได้แก่ ไทย อังกฤษ พม่า เพื่อสร้างความตระหนักรู้ในการจัดการขยะ
สร้างความร่วมมือระดับชุมชน จัดตั้งชุมชนชาวพม่า โดยมีตัวแทนจากรีสอร์ทและร้านอาหารเข้าร่วมเป็นสมาชิก ทำหน้าที่รวบรวม คัดแยก และนำขยะ ไปขายที่ร้านรับซื้อขยะรีไซเคิลเดือนละ 4 ครั้ง
กิจกรรมดำน้ำเก็บขยะใต้ทะเล ทุกวันที่ 15 ของเดือน กลุ่มชุมชน กลุ่มชมรมครูดำน้ำไทยเกาะเต่า และร้านดำน้ำบนเกาะเต่า โดยคนที่สามารถลงไปทำกิจกรรมนี้ต้องเป็นนักดำน้ำที่ผ่านการอบรมด้านการเก็บขยะอย่างถูกวิธีจากกรมทรัพยากรทะเลและชายหาดเท่านั้น

การเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมบนเกาะเต่า สิ่งสำคัญคือความร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านในพื้นที่ นับตั้งแต่ครอบครัว ชุมชน ตลอดจนภาคธุรกิจ หากไร้ซึ่งกำลังแรงจากชาวบ้านเหล่านี้ ธรรมชาติและทะเลไทยก็อาจจะไม่ได้รับการเหลียวแลเลยสักนิด เพียงความกล้าที่จะลงมือทำก็จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ ogga idea เต็มใจผลักดันทุกชุมชนในทุกการเดินทางสู่ชุมชนสีเขียว
ผลลัพธ์สู่การลดคาร์บอนและสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน
จากโครงการ Recycling with Koh Tao ที่ชาวบ้านบนเกาะเต่าและผู้มีส่วนร่วมหลายคนเป็นกำลังสำคัญในการช่วยให้โครงการดี ๆ เช่นนี้เกิดขึ้น พบขยะ PET 45 % ของขยะพลาสติกทั้งหมดบนเกาะเต่า อีกทั้งชมรมครูดำน้ำไทยเกาะเต่าได้ให้ข้อมูลกับเราว่าบางครั้งกิจกรรมดำน้ำเก็บขยะสามารถเก็บขยะใต้ทะเลได้เกือบ 2-3 ตันต่อวันเลยทีเดียว ด้วยข้อมูลปริมาณขยะทั้งหมดที่ชาวบ้านลงมือเก็บกันมา เราพบว่ามีจำนวนขวดพลาสติก PET จากเกาะเต่าถูกส่งรีไซเคิลถึง 1,465,020 ขวด ซึ่งสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าได้ถึง 24,417 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (KgCO2e) นอกจากจะเป็นการช่วยสิ่งแวดล้อม ขยะรีไซเคิลที่ชาวบ้านเก็บมายังสามารถผลิตเป็นของขวัญพรีเมี่ยมอย่าง Circular gift หรือผลิตภัณฑ์จากวัสดุรีไซเคิลอื่น ๆ ได้อีกหลากหลาย ทั้งนี้ เพื่อส่งต่อความยั่งยืนให้กับธรรมชาติ ส่งต่อความรู้สึกดี ๆ ให้กับคนรอบข้างด้วยของขวัญได้อีกด้วย

และทั้งหมดนี้คือชัยชนะจากความร่วมมือต่อสู้กับปัญหาขยะของชาวเกาะเต่า เราจึงเชื่อมั่นว่าพลังแห่งความสามัคคีจะสามารถสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและเปลี่ยนขยะให้เป็นมีคุณค่าได้อย่างแท้จริง
ogga idea ขอเชิญชวนคุณและองค์กรของคุณ มาร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงโลก สร้างสรรค์สินค้าพรีเมี่ยมที่ไม่เพียงแต่เป็นของที่ระลึกรักษ์โลก แต่ยังเป็นการแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์หรือผู้สนับสนุนโครงการด้วยการติดต่อเราได้ที่ https://www.ogga-circular.com/
OGGA : Official Global Gift Alliance บริษัทคู่คิดเรื่องของพรีเมี่ยมจากนานาชาติอย่างเป็นทางการ ขอร่วมสร้างเศรษฐกิจสีเขียวให้เกิดขึ้นจริงที่กลุ่มเกาะยั่งยืน ประเทศไทย! นึกถึง ‘ของขวัญ’ ที่ผลิตด้วยนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน นึกถึง OGGA


























ความคิดเห็น